วัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หล่อหลอมด้วยประวัติศาสตร์ถึง 4 หมื่นปี

ที่ชิบะมีคนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ประมาณ 4 หมื่นปีก่อน  

ตามสถานที่ต่างๆ ภายในจังหวัด  จะพบเห็นร่องรอยที่ผู้คนในยุคนั้นหลงเหลืออยู่มากมาย

ในจำนวนนั้น มีสุสานโบราณและตุ๊กตาดินที่เรียงรายอยู่ตามที่ต่างๆ จำนวนมากและขึ้นชื่อในระดับประเทศ
นับได้ว่าเป็นจุดเด่นของวัฒนธรรมโบราณของจังหวัดชิบะ   

ในสมัยเอโดะ, โฮคุโซมีการขนส่งทางน้ำผ่านแม่น้ำเนกาวะแทางหลวง ช่วยสนับสนุนความเป็นอยู่ และเศรษฐกิจของเอโดะ เมืองที่มีลักษณะโดดเด่น โจคะมาจิ ซาคุระ, มนเซ็นมาจิ นาริตะ, เมืองแห่งพ่อค้าซาวาระ และเมืองท่าโชชิมีการพัฒนาขึ้น จะเห็นสภาพเมืองที่รับรู้ได้ถึงความเป็นเอโดะจนถึงทุกวันนี้ (ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกญี่ปุ่นในปี 2016)  

บุคคลทางวัฒนธรรมหลายท่าน เช่น อิโน ทาดาทาคะ, ฮิชิกาวะ โมโรโนบุ, และนามิโนะอิฮาจิ อยู่เบื้องหลังความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจได้ปรากฎตัวขึ้นมาในช่วงเวลานี้

งานฉลองสำคัญๆ ของจังหวัดชิบะที่สืบทอดกันมาในสถานที่ต่างๆ ว่ากันว่าถูกจัดขึ้นเช่นเดียวกับทุกวันนี้มาตั้งแต่สมัยเอโดะแล้ว

ผู้สืบทอดวัฒนธรรม มักจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ ณ ที่นั่นเสมอ

จนถึงขณะนี้ประชาชนในจังหวัดยังร่วมมือกับ NPO หรือ กลุ่มจิตอาสา เผยแพร่กิจกรรมทางวัฒนธรรมกันอย่างแข็งขัน

บุคคลทางวัฒนธรรมในประวัติศาสตร์ที่ภาคภูมิใจระดับโลก

ฮิชิกาวะ โมโรโนบุ (ปี1630-ปี1694)

กล่าวได้ว่าเป็นผู้ให้กำเนิดภาพพิมพ์อุคิโยะเอะ

ผลงานชิ้นเอกที่ชื่อ "มิคาเอริบิจิน" เป็นภาพบนสแตมป์ของญี่ปุ่นด้วย 

อิโน ทาคาทากะ (ปี1745-ปี1818)

นามิโนะอิฮาจิ (ปี1752-ปี1824)

จุดเด่นคือการแกะสลักลายนูนของ "คลื่น" ที่เหมือนกับคลื่นซัดที่กั้นรอบนอกอย่างแรง

กล่าวกันว่ามีอิทธิพลต่อ คาสึชิกะ โฮคุไซ เจ้าของผลงานอันเลื่องชื่อ "ฟุจิซันสามสิบหกวิว"

ทำการสืบทอดประเพณีที่คนรุ่นก่อนปกปักรักษาไว้ และสร้างวัฒนธรรมใหม่ขึ้นมา

ที่ "โบโซโนะมุระ" มีการสร้างอาคารสมัยเอโดะ และสมัยเมจิขึ้นมาเหมือนจริง สัมผัสกับวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนสมัยโบราณ เช่น ลองสวมชุดเกราะซามุไร, ทอผ้าที่บ้านเกษตรกร, ทำอาหารพื้นเมือง ย้อมคราม หรือทำกระดาษที่บ้านของพ่อค้า เป็นต้น

"วงออเคสตรชิบะ" เป็นวงออเคสตรามือโปรเพียงวงเดียวของชิบะ 

นอกจากเพลงคลาสสิก กำลังจะลองสร้างเสน่ห์ใหม่ๆของวงออเคสตรา อย่างเช่นแสดงร่วมกับ "โนงาคุ" ที่เป็นศิลปะการแสดงดั้งเดิมของญี่ปุ่น